คนเลี้ยงผึ้ง
editคือผู้ที่จะคอยดูแลผึ้งงาน โดยคาดหวังถึงผลผลิตต่างๆ ที่เกิดจากบรรดาผึ้ง เช่น น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง เกสรดอกไม้ น้ำที่ผึ้งใช้เลี้ยงตัวอ่อน รวมถึงการผสมพันธุ์เกสรที่เกิดจากผึ้งกับพวกพืชผักและผลไม้ พวกเขาจะเพิ่มจำนวน นางพญาผึ้ง และบรรดาผึ้งงาน
เพื่อขายให้เกษตรกรคนอื่นๆต่อไป หรืออาจทำเพื่อการตอบสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งผู้เลี้ยงผึ้งนั้นอาจจะทำเป็นงานอดิเรก เพื่อหารายได้พิเศษ หรืออาจทำเป็นอาชีพหลัก ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผึ้งที่เลี้ยงอยู่
ความหมาย
editคนเลี้ยงผึ้งนั้นอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เกษตรกรผู้ผลิตน้ำผึ้ง หรือ “apiarists” ซึ่งมาจากภาษาละติน
โดยคำว่า “apis” นั้นมีความหมายว่า “ผึ้ง” โดยคำว่าคนเลี้ยงผึ้งนั้น มักจะกล่าวถึงผู้ที่เลี้ยงผึ้งงานไว้ในรังผึ้ง กล่อง หรือภาชนะอื่นๆ คนเลี้ยงผึ้งจะไม่ฝึกให้ผึ้งนั้นเชื่อง แต่พวกเขาจะควบคุมเพียงรังผึ้ง หรือกล่องที่ใช้เลี้ยงและอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องเท่านั้น พวกผึ้งนั้นสามารถหาอาหารหรืออพยพไปที่อื่นได้อย่างอิสระ ตามที่พวกมันต้องการ พวกผึ้งทั้งหลายจะกลับสู่รังของคนเลี้ยงผึ้งก็ต่อเมื่อ
มันสะอาด ทืบแสง และเป็นที่กำบังหลบภัยได้
การจำแนก
editคนเลี้ยงผึ้งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเลี้ยงเป็นงานอดิเรก โดยที่พวกเขาจะมีรังผึ้งที่เลี้ยงไว้เพียงไม่กี่รัง เพื่อการศึกษาทางนิเวศวิทยาและธรรมชาติ
ในการใช้ชีวิตของผึ้ง แต่น้ำผึ้งก็เป็นผลพลอยได้ ด้วยราคาของน้ำผึ้งที่มีราคาราวร้อยดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีฟาร์มเลี้ยงผึ้งเกิดขึ้น รวมถึงการจัดการรังผึ้งทั้งหลาย และการใช้เครื่องมือเก็บน้ำผึ้งที่ใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมง คนเลี้ยงผึ้งที่ทำเป็นงานอดิเรกนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์ นอกทวีปยุโรป ที่มีผลิตภัณฑ์จากผึ้งตาม ธรรมชาติจำนวนน้อย เพราะความต้องการที่ไม่แน่นอน ผู้ที่เลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพเสริมนั้น พยามที่จะเลี้ยงผึ้งของพวกเขาต่อไปโดยอาศัยรายได้ ส่วนอื่นในการใช้จ่าย พวกเขาจะเลี้ยงผึ้งประมาณ300รัง ที่ผลิตน้ำผึ้งราว10-20ตัน โดยมีมูลค่าประมาณ10,000 ดอลลาร์ ต่อปี
เกษตกรที่เลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพหลักนั้น จะมีผึ้งหลายร้อยหรือเป็นพันรัง และมีผู้เลี้ยงผึ้งมากถึง50,000รัง ที่สามารถให้น้ำผึ้งได้เป็นล้านปอนด์
ผู้เลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพหลัก คนแรก คาดว่าจะเป็น เปโตร โปรโคโปวิค ชาวยูเครน เขาเลี้ยงผึ้งถึง6,600 รัง
ในช่วงต้นศตวรรษที่19 โมเสส ควินบี เป็นเกษตกรผู้เลี้ยงผึ้งในสหรัฐอเมริการเป็นคนแรก โดยมีผึ้ง1,200รัง ราวปีค.ศ.1840 หลังจากนั้น
ในช่วงปี ค.ศ.1960-1970 จิม พาวเวอส์ ในไอดาโฮ อเมริกา ก็เลี้ยงผึ้งจำนวน30,000รัง มิเอล คาร์โลตา ได้เลี้ยงผึ้งร่วมกับหุ้นส่วนของเขา
อาร์ทูโร วูฟราธ์และฮวน สเปคค์ ชาวเม็กซิโก เลี้ยงผึ้งอย่างน้อย50,000รัง ในช่วงปีค.ศ.1920ถึง1960
ในปัจจุบัน เอดี ฮันนี่ ฟาร์ม ใน เซาธ์ดาโกตา สหรัฐอเมริกา เลี้ยงผึ้ง80,000 รัง และ สแกนเดีย ฮันนี่ คอมปานี ในอัลเบอร์ตา แคนนาดา
เลี้ยงผึ้ง 12,000 ซึ่งทั้ง2ฟาร์มนั้นถือเป็น ฟาร์มน้ำผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วโลกมี ธุรกิจการเลี้ยงผึ้งประมาณ 5%
โดยผลิตน้ำผึ้งประมาณ60%ให้กับโลก
ประเภทของผู้เลี้ยงผึ้ง
editผู้เลี้ยงผึ้งส่วนใหญ่ จะนำผลิตภัณฑ์ที่ได้จากฟาร์ม ออกจำหน่าย น้ำผึ้งถือเป็นผลผลิตที่มีค่ามากที่สุด ที่พวกเขานำมาจำหน่าย
ผู้เลี้ยงผึ้งจะดูแลฝูงผึ้งของพวกเขาให้สมบูรณ์ที่สุด โดยอาศัยน้ำหวาน จากเกสรดอกไม้จำนวนมาก พวกเขาผลิตและจำหน่ายของเหลวที่ถูกสกัด และในบางครั้งอาจรวมถึงรวงผึ้งด้วย ผู้เลี้ยงผึ้งอาจขายผลผลิตของพวกเขาแบบปลีก ด้วยตัวเองหรือ อาจขายส่งให้พ่อค้าคนกลาง และตัวแทนต่างๆ ขี้ผึ้ง เกสรดอกไม้ น้ำที่ผึ้งใช้เลี้ยงตัวอ่อน และการผสมพันธ์ุพืชนั้น ถือเป็นการสร้างรายได้เสริม อีกทางหนึ่ง เช่นผู้เลี้ยงผึ้งชาวไต้หวันนั้น
ส่งออกน้ำที่ผึ้ง ใช้เลี้ยงตัวอ่อนจำนวน หลายตัน ที่เป็นอาหารชั้นเลิศของนางพญาของเหล่าผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง
ผู้เลี้ยงผึ้งในปัจจุบันไม่นิยมเลี้ยงผึ้งงานเพื่อผลิต ขี้ผึ้งสักเท่าไหร่ ขี้ผึ้งนั้นจะถูกเก็บพร้อมน้ำผึ้งและนำไปแยกเพื่อจำหน่าย
ผู้เลี้ยงผึ้งบางคน ให้บริการการผสมพันธุ์เกสร แก่ชาวสวนคนอื่นๆ ผู้เลี้ยงผึ้งประเภทนี้อาจไม่ได้ผลิตน้ำผึ้งเพื่อการจำหน่าย
การผสมพันธุ์เกสรนั้น ผู้เลี้ยงผึ้งเคลื่อนย้ายรังผึ้งในตอนกลางคืน ไปยังที่ที่มีจำนวนพืชผัก ผลไม้ มากพอ
ในการผสมเกสรดอกไม้เพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก การที่จะทำแบบนี้ได้นั้น จะต้องใช้ฝูงผึ้งที่มีความสมบูรณ์และนำพวกมันไปปล่อย
ในหมู่พืชผลต่างๆ เช่น อัลมอนด์ แอปเปิ้ล เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และ แตงชนิดต่างๆ เป็นต้น ซึ่งรายได้เหล่านี้มักจะมาเป็นเงินสด
ผู้เพาะพันธ์ุนางพญา
editคือผู้เลี้ยงผึ้งเฉพาะทาง เป็นผู้ที่เพาะเลี้ยง นางพญาผึ้ง เพื่อจำหน่ายแก่ผู้เลี้ยงผึ้งคนอื่นๆ
ผู้เพาะพันธุ์จะคัดเลือกผึ้งที่สมบูรณ์และ ดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดู ผึ้งของพวกเขาเป็นอย่างดี ในที่ที่เป็นธรรมชาติ ตอนช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ ผู้เลี้ยงผึ้งประเภทนี้จะจำหน่ายผึ้งชนิดพิเศษ ให้กับผู้เลี้ยงผึ้งแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตน้ำผึ้ง ผู้ที่รับผสมพันธุ์เกสรหรือ ผู้เลี้ยงผึ้งเป็นงานอดิเรก ผู้ที่ต้องการเริ่ม หรือขยับขยาย ฟาร์มของพวกเขา ผู้เพาะพันธุ์นางพญาจะใช้ชุด "เจนเตอร์" คือชุดที่ใช้ขยายพันธุ์นางพญาผึ้ง ในการเพาะพันธุ์นางพญาผึ้งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นจำนวนมาก แบรนดอน วูด คือหนึ่งในผู้เพาะพันธุ์ นางพญาที่โด่งดัง โดยเขาเพาะพันธุ์ผึ้ง ให้แก่ฟาร์มต่างๆในช่วงปลายศตวรรษที่20